
นครราชสีมา : เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน
หลายคนอาจคิดว่าในฤดูฝนคงไม่มีสถานที่ที่น่าเที่ยวสักเท่าไหร่ เพราะว่ามองไปทางไหนก็ดูจะเฉอะแฉะไปซะทุกที่ แต่ว่าเมืองไทยไม่ว่าจะร้อน ฝน หนาว ก็เที่ยวได้ อีกทริปที่พลาดไม่ได้ กับเหล่านักผจญภัย.... เขาใหญ่ ซึ่งห่างจากกรุงเทพไม่มากนัก เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็ใหญ่สมชื่อจริง ๆ เพราะว่าครอบคลุมพื้นที่ถึง 4 จังหวัด ด้วยกัน คือ สระบุรี นครนายก นครราชสีมา และปราจีนบุรี มีเนื้อที่ถึง 1ล้าน 3 แสนกว่า ไร่ เขาใหญ่ นับเป็นอุทยานแห่งแรกของประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนหลายลูก และเป็นป่าที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์ โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นป่าดงดิบชื้น และมีพืชพรรณที่หลากหลายและมีน้ำตกมากกว่า 20 แห่ง เส้นทางเดินป่าบนเขาใหญ่ก็มีถึง 13 เส้นทาง ด้วยกัน แต่ว่าแต่ละเส้นทางก็มีความยากง่าย ระยะทางและเวลาการเดินทางที่ต่างกันด้วย
อยู่ใกล้กรุงแค่นี้แต่ฉันเพิ่งเคยไปค้างคืนที่เขาใหญ่เป็นครั้งแรก เพิ่งจะรู้ว่ามีที่นอนสบายๆ อากาศดีๆ อยู่แค่เอื้อมนี้เอง ไว้ได้ใบขับขี่เมื่อไหร่ จะไปกางเต็นท์นอนอีก
เริ่มด้วยบรรยากาศสบายๆ ที่สวนเบญจศิริ กับการรอคอยของสหายคนหนึ่ง เสร็จภาระกิจจากการงานเรียบร้อย เกือบบ่ายวันเสาร์ มุ่งตรงไปรับสหายที่สวนเบญจฯ แล้วพวกเราทั้งหมด 6 ชีวิตก็ฮ่อไปสมทบกับสหายที่คอยท่าอยู่ที่ผากล้วยไม้ทันที แวะโน่นแวะนี่ หาของกินซะส่วนใหญ่ หลงทางบ้างเล็กน้อย 17.00 น. สุดท้ายก็มาถึงผากล้วยไม้ที่นอนของพวกเราคืนนี้ บรรยากาศดีมากๆ ผู้คนไม่แออัด สงสัยคงไม่ใช่ช่วงเทศกาลน่ะ จัดการกางเต็นท์เสร็จ ทีนี้ก็ถึงเวลากิน งัดเอาไก่ย่างกะหมูหันที่แวะซื้อตามรายทางมาอุ่น กับข้าวมากาง กินกันไป คุยกันไป หามุมถ่ายรูปไป ชิล ชิล ดีจังคืนนี้ พอตะวันลับฟ้าลมก็เย็นขึ้นมาทันที คืนนี้คงนอนกันสบาย

มาเขาใหญได้ยินมาว่าทากนั้นทั้งเยอะทั้งดุ ตอนจัดกระเป๋าก็นึกอยู่ ว่าต้องติดถุงกันทากมาด้วย แต่พอมาถึงค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอปรากฎว่าลืม..กี่ทริปๆ เท่าที่เจอทากมา ก็ผ่านๆ ทั้งนั้น มาเขาใหญ่คราวนี้ได้สัมผัสแล้วจริงๆ ตัวมันยาวประมาณ 2 ซม. อ้วนก็ไส้ดินสอ 0.7 อ่ะนะ แต่พอหม่ำเลือดเราไปแล้วก็จะอ้วนกว่าหัวไม้ขีดหน่อยนึง (หรืออาจจะมากกว่านั้น) ครั้งนี้แม้แค่ถูกเกาะไม่ได้ถูกดูดฉันก็ร้องลั่นป่าแทบแตก ภาวนาอย่ามาให้เจออีกเลย เฉยๆ ไปเลยดีกว่า แฮ่ะๆๆ...แบบว่ากลัวทากอ่า..
หลังจากอาหารมื้อเย็นหน้าเต็นท์แล้ว อิ่มกันถ้วนหน้า ก็อาบน้ำปะแป้ง(ฉันไม่ได้อาบอ่ะ แต่ปะแป้งเฉยๆ)นอนซุกเต็นท์ใครเต็นท์มัน อ่ะไม่ใช่จ้ะ หลังจากมื้อเย็นแล้วพวกเรามีปาร์ตี้มิตรภาพกันนิดหน่อย ตามประสาคนคอเดียวกัน นั่งดูรถที่เค้าไปส่องสัตว์วิ่งเข้าวิ่งออกก็นึกอยากไปส่องกะเค้าบ้าง แต่มาคราวนี้มีเด็กมาด้วยเลยอด แต่คืนนี้คงเป็นนิมิตรหมายอันดี เพราะถ้าเก้ง กวางออกมาหากิน แสดงว่าไม่มีเสือโผล่มาหรอก เพราะพวกเค้าจะรู้กันดีกว่าคนอย่างพวกเรา นั่นแสดงว่าคืนนี้ปลอดภัย -_- เพราะฉันเห็นกวางขี้ขโมยแล้วตัวนึง ออกมาขโมยมาม่าของพวกเราไปกิน แถมกินทั้งซองอีกต่างหาก น่าสงสาร ทีหลังจะกินมาม่าทั้งที เค้าต้องแกะซองแล้วต้มรู้มั้ยน้องกวางจ๋า ไม่รู้ป่านนี้ย่อยได้หรือยังนะ พูดถึงเก้งและกวางเคยรู้มาว่า เก้งจะเป็นสัตว์รักเดียวใจเดียว มีคู่ของมัน ถ้าตายก็ไม่มีแฟนใหม่ แต่กวางเนี่ย ตัวผู้ตัวเดียว ตัวเมียเป็นสิบ เราจึงมักเห็นฮาเล็มกวางมากินหญ้าอ่อนตามรายทาง ^^ ก่อนมาเคยจินตนาการตื่นเต้นว่าถ้าเจอช้างมารุมที่รถจะทำไงดี เพราะเคยได้ยินข่าวมาว่าช้างที่ป่าเขาใหญ่นั้นดุเอาการทีเดียว ก็เลยลองคิดเผื่อไว้ว่า ถ้าเจอเหตุการณ์นั้นเราจะตั้งสติ ว่าเวลาเจอช้างต้องค่อยๆถอยรถ (ถ้าช้างเดินมาหา) ห้ามถ่ายรูปใช้แฟลช ห้ามบีบแตร เพราะปกติช้างจะไม่ทำอันตราย (แต่ก็เคยมีช้างรุมรถนักท่องเที่ยวนะ) สรุปคือถ้าจะหนีก็ค่อยๆ หนี พอเราหยุดช้างก็จะหยุดตามเรา ที่สำคัญตั้งสติไว้ พอนึกมาถึงตรงนี้ อิอิ จะมีใครได้ยินความคิดฉันบ้างหรือเปล่านะ แฮ่ๆๆๆ ^_^ ดึกแล้วได้เวลาเข้านอน คราวนี้เอามาทั้งถุงนอน ผ้าห่ม เสื้อกันหนาวแม้ฝนจะลงหนักแค่ไหนฉันก็นอนอุ่นอยู่ในเต็นท์สบาย มีความสุขจริงๆ

ตื่นมาหมายมั่นว่าจะไปดูนก (ดูไม่เป็นหรอก) แต่ด้วยความดุของเจ้าทากน้อยจึงถอดใจ เดินเล่นชมนกชมไม้ตามถนนไปน้ำตกเหวสุวัตดีกว่า เดินเล่นไปถ่ายรูปไป มีคนเอาจักรยานมาขี่ด้วย ทางมันน่าปั่นดีนะ แต่พวกเราไม่มีใครอยากขี่จักรยานซักคน (ขี้เกียจเข็นขึ้นเนินกันหมด) เดินๆๆ แชะรูปกันเป็นที่เมามันส์ ถึงแล้วน้ำตกเหวสุวัต สวยดี น้ำแรงมากๆ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เล่นน้ำ จึงแค่ถ่ายภาพเก็บไว้ในความทรงจำเท่านั้น สายแล้วเริ่มหิว สมาชิกทุกคนฝากท้องไว้ที่ร้านสวัสดิการ มีอาหารให้เลือกเยอะแยะ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำอร่อยดี หรือเป็นเพราะฉันหิวหรือเปล่าก็ไม่รู้ อิ่มหนำสำราญกันเป็นที่เรียบร้อย ต้องเดินกลับแล้ว แต่คราวนี้ชักไม่ไหว คงเป็นเพราะอิ่มจัดจึงมองหารถพี่รวย (น้ำใจ) โบกกลับผากล้วยไม้ดีกว่า เก็บสัมภาระเสร็จแล้วไปต่อกันที่น้ำตกตะคร้อ
น้ำตกตะคร้อตั้งอยู่ที่บ้านตะคร้อ ตำบลบุฝ้าย น้ำตกตะคร้อ อยู่ห่างจากด่านตะคร้อ ประมาณ 500 เมตร เป็นน้ำตกที่มีลักษณะเป็นแก่งน้ำกว้าง มีสะพานแขวนทอดข้ามน้ำตกตะคร้อ ฝั่งซ้ายของลำธารเป็นเนินเขา ส่วนทางด้านฝั่งขวาเป็นป่าโปร่ง เหมาะแก่การพักผ่อนการเดินทาง จากตัวเมืองปราจีนบุรีไปตามทางถนนปราจีนบุรี-ประจันตคาม เส้นทางหลวงหมายเลข 3452 ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงสี่แยกประจันตคาม แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนน รพช. หรือจะใช้เส้นทางสี่แยกเนินหอมแล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงสี่แยกประจันตคาม ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนน รพช. ประมาณ 16 กิโลเมตร และเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร จนถึงตัวน้ำตกตะคร้อ
แฮ่ๆๆ ตอนหาข้อมูลนี่แน่นเปรี๊ยะๆ แต่พอไปเข้าจริงๆ หลงทางตลอดเลย อิอิ ไม่หลงก็ไม่ใช่ฉันน่ะซิ จริงมั้ย...มาน้ำตกตะคร้อคราวนี้ น้ำน้อย และไม่ใสเหมือนครั้งก่อนที่ฉันมาเลย แถมมีพวกวัยรุ่นส่งเสียงอึกทึกน่ารำคาญ ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องเล่าอะไรมากนักที่ตะคร้อ ฉันเดินถ่ายภาพอย่างเดียว ไม่ได้ลงเล่นน้ำ อยู่แป๊บเดียวก็กลับ ร่ำลาสหายร่วมทางแล้วก็ฮ่อรถกลับกรุงเทพ ขากลับเจอฝนอย่างหนัก แถมหลงทางเล็กน้อย สุดท้ายก็หาทางกลับกรุงเทพเจอโดยบังเอิญ เป็นวันหยุดพักผ่อนสบายๆ อีกหนึ่งวัน เพื่อเพิ่มพลังทำงานต่อในวันจันทร์ อีกหนึ่งทริปประทับใจกับมิตรภาพของผองเพื่อน เช่นเคย เจอกันทริปหน้านะสหาย

..........................................................palmy616
รวมภาพการเดินทาง
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=chomthailand&id=587
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=chomthailand&id=591
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=chomthailand&id=592

ติดต่อสอบถาม แสดงทัศนะ ถึง-ผู้เขียน